ตอนเราจะเที่ยวต่างจังหวัด มักพบตัวเองว่าตัดสินใจไปจังหวัดใหญ่เสมอ และระหว่างเดินทาง เราก็ขับรถผ่านจังหวัดอื่นๆเพื่อไปให้ถึงที่หมายไวๆ
จังหวัดที่เราเรียกว่าเมืองทางผ่าน หากได้หลงเข้าไป ก็มีเพียงถนนสายกลางเมือง สองข้างทางมีตึกแถว ร้านอาหารธรรมดาๆ แล้วเราก็เหยียบคันเร่ง เพื่อจะทิ้งมันไปให้ไว
ลำพูนก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะจากลำปาง ผ่านดอยขุนตาลอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงเราก็จะไปถึงเชียงใหม่เมืองใหญ่เป้าหมาย ส่วนลำพูน วันนี้ขอผ่านไปก่อน เอาไว้ค่อยแวะวันหน้า
นี่ๆ รู้ไหม คุณพลาดหลายอย่างเลยนะ
…………………………………….
วิถีแบบคนลำพูน
ลำพูนที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว คนลำพูนก็นิยามจังหวัดตัวเองว่าที่นี่เป็น”เมืองบุญ” หมายถึงเป็นเมืองที่มีวัดวาจำนวนมาก ผู้คนอยู่กันเรียบง่าย มีศรัทธาในศาสนา และศาสนาเป็นส่วนสำคัญในวิถีชีวิตคนลำพูน
(นอกเรื่องนิดหน่อย ผมชอบชื่อลำพูน มันฟังดูขลังคลาสสิค เป็นคำที่อ่านแล้วเพราะ)
ถ้าคุณเข้าเมืองลำพูนเกินสองครั้ง คุณจะพบว่าบรรยากาศจะเหมือนกันแทบทุกวัน สงบเงียบ ในวันทำงาน พอคนเข้าที่ทำงาน เด็กๆเข้าเรียนกันหมดแล้ว ถีงร้านค้าร้านอาหารจะคงเปิดเป็นปกติ ก็จะยังเงียบๆ
ลำพูนจึงเป็นเมืองที่ไม่มีมลภาวะทางเสียง แม้ตอนกลางวันของวันธรรมดา (ที่ไม่ใช่วันหยุด)
ทุกครั้งที่มาลำพูนผมจึงมักจะไปไหว้พระ และได้ข้อมูลคล้ายๆกันจากหลายคนที่เคยแวะเวียนมาที่นี่ ว่าก็มาเพราะอยากมาวัดมาทำบุญ วัดที่นี่สงบดี ไม่ใช่วัดแบบสถานที่ท่องเที่ยวอย่างในเชียงใหม่
ครั้งนี้ผมจะลองมา “เที่ยว” และ “พักผ่อน” ดูบ้าง
…………………………………….
มานอนลำพูนที่ “บ้านหละปูน”
โดยที่หมายในการมาพักสำหรับคืนนี้ของผมคือที่ “โรงแรมบ้านหละปูน”ครับ โรงแรมแห่งนี้สร้างมาเกือบสิบปีแล้ว ได้ลงหนังสือ นิตยสาร รวมทั้งเวบไซต์ดังๆหลายแห่ง จึงน่าค้นหาว่ามีอะไรทีนี่ทำให้ได้รับการแนะนำจากสื่อต่างๆจำนวนมาก
การเดินทาง ง่ายมาก เพราะโรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับถนนเส้นหลักของเมืองลำพูนคือถนนสายเชียงใหม่-ลำพูนนั่นเอง หากตั้งต้นจากเชียงใหม่มาตามถนนสายต้นยาง
เมื่อเข้าเขตตัวอำเภอเมืองลำพูนและผ่านโรงเรียนจักรคำคณาทร เลยมาอีกไม่เกินห้าร้อยเมตรทางขวามือ ก็จะเห็นป้ายของโรงแรมบ้านหละปูน เป็นซอยทางเข้าเดียวกับโรงเรียนอนุบาลคริสเตียน ยิ่งเดี๋ยวนี้มีแผนที่ออนไลน์ให้ค้นหาทางก่อนยิ่งง่ายเข้าไปอีก
ขับรถชมเมืองมาเรื่อยๆจากเชียงใหม่ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เห็นซอยที่ว่าแล้วครับ เมื่อเข้าไปถึงโรงแรม แวบแรกที่เห็นคือความเขียวขจีของพรรณไม้ต่างๆตัดกับตัวตึกกึ่งปูนกึ่งไม้ ดูอบอุ่นน่าพักผ่อนเหมือนโรงแรมเกรดดีทั้งหลายครับ
ที่จอดรถเองก็มีมากพอสำหรับทุกคนที่ขับรถมาพัก และปลอดภัยแน่นอนเพราะมียามเฝ้าตลอดคืน โรงแรมบางแห่งต้องจอดรถริมทาง ก็ต้องลุ้นกันเอาเองว่าเช้ามาอะไรจะหายไปบ้าง
…………………………………….
ห้องพักดีมาก คุ้มค่าเกินราคาคืนละหลักร้อย
ตรงจุดเช็คอิน มองไปทางขวามือ เห็นห้องแบบ Living room คุณป้าเจ้าของโรงแรมที่มารับแขกด้วยตัวเอง บอกกับผมว่า ตรงนั้นเป็นห้องทานอาหารตอนเช้า มานั่งดูทีวีตอนกลางคืนก็ได้
ดูแล้วบรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน และคุณลุงคุณป้าที่เป็นเจ้าของดูแลแขกเองเลย เป็นกันเองมากๆ เป็นอีกโรงแรมหนึ่งที่ผมรู้สึกดีตั้งแต่เดินเข้ามาจนถึงเข้าห้องพัก
เมื่อได้รับกุญแจแล้วก็เอาของไปเก็บที่ห้องก่อน ภายในห้องตกแต่งเรียบง่าย มีเฟอร์นิเจอร์และข้าวของที่ต้องใช้งานครบตามมาตรฐาน บรรยากาศก็ช่างเป็นล้านนาเสียจริงๆคือนิ่งๆเงียบๆแต่อยู่ด้วยได้เรื่อยๆ
ที่ไม่ธรรมดาคือในส่วนของห้องน้ำ กว้างและมีรสนิยม เป็นยังไงดูในภาพได้เลยครับ
ออกมาสำรวจรอบๆอีกนิด ตัวโรงแรมนั้น ตกแต่งแบบเรียบๆ แต่ในความธรรมดานี้มีอะไรที่พิเศษแฝงอยู่ คุณลุงชี้ให้ผมดูภาพที่แขวนผนัง ทั้งเล็กใหญ่ ล้วนเป็นภาพที่วาดจากศิลปินมีชื่อแห่งเมืองลำพูน ใครที่ชื่นชอบงานศิลปะ มาที่นี่ได้คุยกับคุณลุงอย่างถูกคอแน่ๆครับ
…………………………………….
หิวแล้ว หาของกินดีกว่า
เดินออกมาหน้าโรงแรม ใกล้ๆนี้มีร้านที่คุณลุงแนะนำอยู่สองร้าน ร้านนึงเป็นร้านลาบคนเมืองขนานแท้ เหมาะกับคอสุราที่นิยมกับแกล้มรสร้อนแรงครับ ขอผ่านไปก่อน
ส่วนอีกร้านก็เป็นอาหารพื้นเมืองเหมือนกัน ชื่อร้านดาวคะนอง จากโรงแรมเดินลัดซอยไปประมาณ 200-300 เมตร ก็ถึงแล้ว (คุณลุงบอกว่าร้านนี้ ซิกเนเจอร์เมืองลำพูน)
ร้านดาวคะนองอยู่ติดถนนใหญ่ บรรยากาศโดยรวมโปร่งๆดี มีเมนูน่ากิน หลายอย่างเคยกินตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะเป็นแกงฮังเล ไส้อั่ว แค็บหมู น้ำพริกอ่อง มีพวกเมนูผัดผักรวม คั่วแคไก่ ผัดเผ็ดกบ ส่วนคั่วไข่มดแดงกับคั่วเห็ดถอบนี่มีตามฤดูของมัน
สุดท้ายสั่งน้ำพริกเห็ดหล่ม แกงแคหมูย่าง และหมูย่างกับข้าวเหนียวมากิน (สั่งหมูย่างซ้ำกันซะงั้น แบบว่าหิวตาลาย)
อร่อยทุกอย่าง รสชาติกลางๆไม่จัดมาก ที่เด่นเป็นพิเศษคือน้ำพริกเห็ดหล่ม เอามาย่างก่อนตำ กลิ่นหอมอบอวลยังจำได้จนถึงตอนนี้ สั่งข้าวเหนียวมาสองชุดปรากฏว่ากินหมดต้องสั่งเพิ่ม จากนั้นก็ตบท้ายด้วยไอศครีมล้างปาก
…………………………………….
อิ่มแล้ว เดินเที่ยวต่อได้
วันนี้โชคดีที่แถวๆหน้าวัดพระธาตุหริภุญชัย มีงานลำไยลำพูนครับ ต้องลองไป จากร้านดาวคะนอง ตรงไปตามถนนเส้นเดิม ได้ที่จอดรถข้างๆวัดพระธาตุฯ เดินต่ออีกนิดหน่อยก็มาถึงบริเวณที่จัดงาน
ผมไปสองทุ่มกว่าแล้ว ซุ้มจัดงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ลำไยก็เลยปิดๆไปบ้าง แต่เห็นฝั่งตรงข้ามยังครึกครื้นเลยข้ามสะพานน้ำปิงไปดู เจอเลย ของกินมากมายคนก็มากเช่นกัน เดินเบียดๆกันทั้งบนสะพานและริมฝั่งน้ำ
เนื่องจากเป็นวันงานลำไยก็เลยมีของกินที่มีลำไยเป็นส่วนประกอบ อย่าง ข้าวเม่าเปียกลำไย อันนี้ลองแล้ว อร่อยใช้ได้ ส่วนขนมเปี๊ยลำไย ชิมดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ มีป้ามาทำแกงร้อนๆให้ได้นั่งซด ถ้าอากาศหนาวกว่านี้น่าจะดี
ของขายอื่นๆจะเป็นของสด ของพื้นเมืองอื่นๆ เดินพอดูเพลินๆครับ ขากลับไม่ลืมซื้อลำไยสีชมพู ลำไยลำพูนนี้ขึ้นชื่อที่สุดแล้ว
กลับถึงห้องสามทุ่มกว่า อาบน้ำอุ่นๆ เปิดแอร์เย็นๆ เปิดทีวีพลางสไลด์มือถือไป ไม่ถึงสิบนาทีก็เริ่มง่วง เตียงเขานุ่มสบายจริง บรรยากาศเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนมาก หลับดีกว่าเที่ยวต่อพรุ่งนี้ ….